ความจริง 6 ประการที่คุณควรรู้เมื่อต้องการควบคุมน้ำหนัก

ความจริง 6 ประการที่คุณควรรู้เมื่อต้องการควบคุมน้ำหนัก



พลังงานที่ร่างกายได้รับ > พลังงานที่ร่างกายใช้ไป = อ้วน


ใน แต่ละวันร่างกายของเราจะได้รับพลังงานจากอาหารที่รับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะรับประทานอาหารในเวลาใดๆก็ตาม เช่นเวลาเช้า กลางวัน หรือก่อน  นอน ถ้ารับประทานอาหารชนิดเดียวกันในปริมาณเท่ากัน ย่อมจะได้พลังงานที่เท่ากันเสมอ
เมื่อ ร่างกายได้รับพลังงานจากอาหารในหนึ่งวัน มากกว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ไปในหนึ่งวัน นั่นย่อมหมายถึงพลังงานส่วนเกินจะถูกเก็บสะสมเปลี่ยนเป็นไขมัน ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยพลังงานที่ขาดหรือเกินไปจำนวน 7500 แคลอรี จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามลำดับเป็นจำนวน 1 กิโลกรัม
คำแนะนำ
  1. ไม่ ควรรับประทานอาหารเร็วเกินไปจนรู้สึกอิ่มแล้วถึงหยุด แต่ควรรับประทานอาหารช้าๆ และหยุดรับประทานอาหารก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม เพราะถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะทำงานด้วยระบบรับรู้และตอบสนองที่รวดเร็ว แต่การรับรู้ในเรื่อง “อิ่มพอดี” จากอาหารเต็มกระเพาะกลับต้องใช้เวลาถึง 15 - 20 นาทีจึงจะถูกส่งมาถึงสมอง
  2. ควร กินอาหารมื้อหลักให้ครบทั้งสามมื้อ และไม่ควรเลื่อนเวลาอาหารมื้อหลักให้นานออกไปจนรู้สึกหิว เพราะความหิวจะยิ่งกระตุ้น ให้รับประทานอาหารหมดเร็วขึ้นกว่าปกติ และการรับรู้ “อิ่มพอดี” จากอาหารเต็มกระเพาะจะต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะถูกส่งมายังสมอง
  3. ควร มีอาหารว่างหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ เสริมระหว่างอาหารมื้อหลัก เพื่อป้องกันความรู้สึก “หิว” เมื่อถึงเวลาอาหารมื้อ หลักมื้อต่อไป
จาก ความรู้พื้นฐานข้อที่หนึ่งนี้ จะเห็นได้ว่ามีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องด้วยอยู่ 3 คำ ซึ่งคำศัพท์ทั้งสามคำนี้จะถูกขยายความเป็นความรู้พื้นฐานในข้อต่อๆไป ได้แก่
  1. น้ำหนักตัว
  2. พลังงานที่ร่างกายได้รับจากอาหาร และ 
  3. พลังงานที่ร่างกายใช้ไป

น้ำหนักตัวประกอบขึ้นจากส่วนที่เป็นน้ำและเนื้อเยื่อ



2/3 ของน้ำหนักตัวเกิดจากน้ำ

เพียง 1/3 ของน้ำหนักตัวเท่านั้นที่เกิดจากเนื้อเยื่อ
ร่างกายของคนเราประกอบด้วยส่วนประกอบหลักๆ สองส่วนด้วยกันคือ
1. ส่วนของน้ำ ได้แก่ เลือดในหลอดเลือด น้ำเหลืองในเนื้อเยื่อต่างๆ น้ำย่อยในระบบทางเดินอาหาร และปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ เป็นต้น น้ำหนักของน้ำ ในร่างกายคนเรามีมากถึงประมาณ 2/3 ของน้ำหนักตัวทั้งหมด ในแต่ละวัน ส่วนของน้ำนี้เองจะเป็นส่วนที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ถ้าน้ำหนักตัวของเราจะลดลงอย่างรวดเร็ว 
เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับเหงื่อโดยการอบด้วยอากาศร้อน
เมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับอุจจาระโดยการกินยาระบาย
หรือเมื่อร่างกายสูญเสียน้ำ ไปกับปัสสาวะโดยการกินยาขับปัสสาวะ

แต่ การควบคุมน้ำหนักตัวด้วยวิธีขับน้ำออกจากร่างกายเช่นนี้ เป็นวิธีที่ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อร่างกาย และน่าจะถือว่าเป็น การหลอกตัวเองมากกว่า
 
2. ส่วนของเนื้อเยื่อ ได้แก่ กล้ามเนื้อ กระดูก อวัยวะภายใน และไขมันส่วนเกิน เป็นต้น น้ำหนักของเนื้อเยื่อในร่างกายคนเรามีประมาณ 1/3 ของ น้ำหนักตัวเท่านั้น และกระบวนการเผาผลาญไขมันส่วนเกินนี้ ไม่สามารถเสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยปกติจะใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณหนึ่งสัปดาห์ต่อการลดน้ำหนักในส่วนนี้ไปได้ เพียง ครึ่งกิโลกรัม ถึงหนึ่งกิโลกรัม 

การควบคุมน้ำหนักตัวด้วยวิธีเผาผลาญไขมันส่วนเกินนี้ จึงนับเป็นวิธีที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง

คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
ยาระบาย ไม่ใช่ ยาลดน้ำหนัก
การลดน้ำหนักที่ถูกต้อง ควรลดน้ำหนักตัวลงอย่างช้าๆ ประมาณครึ่งถึงหนึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ 




ควบคุมน้ำตาลและน้ำมันที่แฝงอยู่ในอาหารต่างๆ


พลังงานส่วนเกินที่ร่างกายได้รับจากอาหารมาจาก น้ำตาล และ น้ำมัน
อาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ประกอบด้วยสองส่วนคือ

  1. อาหาร ที่ให้สารจำเป็นต่อสุขภาพ ได้แก่ ข้าว-แป้ง นม-เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้   เราไม่สามารถงดรับประทานอาหารกลุ่มนี้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้จำเป็น ต่อสุขภาพที่แข็งแรง  
  2. อาหาร ที่ให้แต่พลังงาน ได้แก่ น้ำตาล และน้ำมัน พลังงานจากอาหารกลุ่มนี้ เป็นพลังงานส่วนเกินที่ร่างกายจะเก็บสะสมไว้ โดยการเปลี่ยนรูปไปเป็น ไขมันส่วนเกิน เราสามารถงดรับประทานอาหารกลุ่มนี้ เนื่องจากอาหารเหล่านี้ ไม่จำเป็นต่อสุขภาพที่แข็งแรง
ทั้ง แป้งและไขมัน เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการ แต่โดยธรรมชาติของอาหารที่เรารับประทาน จะมีส่วนผสมของสารกลุ่มแป้งกับไขมันอยู่แล้ว เช่น ข้าวสวยมีแป้ง หมูปิ้งมีไขมัน ฯลฯ ดังนั้นการรับประทานโดยเจตนาเพิ่มน้ำตาล (กลุ่มแป้ง) และน้ำมัน (กลุ่มไขมัน) เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
น้ำตาล ถูกเรียกว่าเป็น พลังงานว่างเปล่า (Empty Calories) เนื่องจากให้พลังงานแต่ไม่ให้สารอาหารใดๆ โปรดอย่าลืมว่า อาหารบางอย่างมีน้ำตาลหรือน้ำมันแฝงมาโดยที่เรามองไม่เห็น เช่น น้ำตาลกลูโคสในน้ำอ้อยหรือน้ำผึ้ง , น้ำตาลฟรุกโตสจากน้ำผลไม้เข้มข้น หรืออาจแฝงตัวอยู่ในชื่อแปลกๆอื่นๆ เช่น เด๊กโตสไซรัป, มอลโตส, แลกโตส, คอร์นไซรัป เป็นต้น   เหล่านี้ถือเป็นน้ำตาลและล้วนให้พลังงานส่วนเกินสูง ไม่ต่างจากน้ำตาลทรายละลายน้ำ
ส่วนน้ำมันพืช (ที่ไม่เป็นไขเมื่อถูกความเย็น) หรือครีมเทียม ก็ให้พลังงานเท่าๆกับน้ำมันจากสัตว์ (ที่เป็นไขเวลาถูกความเย็น)
การ ควบคุมอาหารไม่จำเป็นต้องรับประทานเฉพาะผัก และผลไม้จืดๆเท่านั้น แต่เราสามารถควบคุมอาหารโดยที่ยังคงมีความสุขกับการรับประทานอาหารอร่อยๆได้ ด้วยการเติมรสหวานจากสารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานแทนน้ำตาล, ใช้การปิ้ง-อบอาหารแทนการทอด, เลือกอาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ เป็นต้น
คำแนะนำ
  1. ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงาน แทนการบริโภคน้ำตาล
  2. ปรุงอาหารด้วยการปิ้ง-อบ แทนการทอด
  3. เลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ แทนอาหารสำเร็จรูปธรรมดา 

 

ออกกำลังกายอย่างเดียวไม่พอ



พลังงานส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย
ส่วนการออกกำลังกายใช้พลังงานเพียงส่วนน้อยของพลังงานทั้งหมด
    คนหนุ่มสาวอายุ 25ปี ส่วนใหญ่ที่ใช้ชีวิตในเมืองจะใช้พลังงานรวม (หน่วยเป็นแคลอรี) ต่อวัน เท่ากับประมาณ 30 คูณกับน้ำหนักตัว (หน่วยเป็นกิโลกรัม) ตัวอย่างเช่น คนอายุ 25ปี น้ำหนักตัว 55 กิโลกรัมจะใช้พลังงานประมาณ 1650 แคลอรีต่อวัน

พลังงานที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ส่วนใหญ่ (ประมาณ 2/3 ของพลังงานที่ใช้ไปทั้งหมด) ถูกใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในร่างกาย ซึ่งเกิดขึ้นแม้ในขณะเรากำลังพักผ่อน-นอนหลับ (หรือเรียกว่า พลังงานขณะพัก) เช่น การเต้นของหัวใจ การขยับตัวของกระบังลมเวลาหายใจ การบีบตัวของลำไส้ การดูดซึมและย่อยสารอาหาร เป็นต้น

พลังงานส่วนน้อยเท่านั้น (ไม่เกิน 1/3 ของพลังงานรวมทั้งหมด) ที่จะถูกใช้ไปกับการทำงานและการออกกำลังกาย
ตัวอย่างเช่น คนอายุ 25ปี น้ำหนักตัว 55 กิโลกรัม จะใช้พลังงาน 1100 แคลอรีต่อวัน (หรือพลังงานที่ได้จากอาหารสองมื้อ) ไปกับการทำงานของอวัยวะภายในซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดเวลาแม้ในขณะเราพัก ผ่อนหรือนอนหลับ และใช้พลังงานเพียง 550 แคลอรีต่อวัน (หรือพลังงานที่ได้จากอาหารหนึ่งมื้อ) ในการทำงานหรือออกกำลังกาย นั่นหมายความว่า หากคุณต้องการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกาย คุณจะต้องออกกำลังกายหนักมากและอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปได้ยาก

พลังงานขณะพักจะลดลงเมื่อเรามีอายุมากขึ้น หรือน้ำหนักตัวลดลง

เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พลังงานที่ใช้ไปกับการทำงานของอวัยวะภายใน จะลดลงประมาณ 5 แคลอรี/วัน/อายุที่เพิ่มขึ้น 1 ปี
ฉะนั้น ถ้าคนเรารับประทานอาหารเหมือนเดิม และมีกิจกรรมเหมือนเดิมไปตลอด เราจะมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นหนึ่งกิโลกรัมทุกๆสี่ปี
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนเราต้องการพลังงานน้อยลง สวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อคงน้ำหนักตัวที่เหมาะสมไว้ เราจึงต้องระมัดระวังเรื่องการรับประทานน้ำตาลและน้ำมัน ตามวัยที่มากขึ้น


และหากว่าเมื่อน้ำหนักตัวของเราลดลง  ร่างกายจะมีการปรับตัวโดยลดการใช้พลังงานในการทำงานของอวัยวะภายในแบบ อัตโนมัติ  ฉะนั้น เพื่อเผาผลาญพลังงาน 350 แคลอรี่ ถ้าเราน้ำหนัก 60 กิโลกรัม อาจต้องวิ่ง 50 นาที แต่ถ้าเราน้ำหนัก 50 กิโลกรัม อาจต้องวิ่งถึง 1 ชั่วโมง กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อทำกิจกรรมอย่างเดียวกัน คนอ้วนต้องการพลังงานมากกว่าคนผอม นั่นคือ ถ้าเราอยากลดน้ำหนักตัวด้วยการออก  ดังนั้น เพื่อคงน้ำหนักตัวที่เหมาะสม สิ่งที่ควรทำคือ การปรับพฤติกรรมการรับประทาน ร่วมกับการออกกำลังกายที่เหมาะกับวัย 
 การควบคุมน้ำหนัก
ด้วยการออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอ



 

สิ่งที่ต้องเปลี่ยนมีเพียงสิ่งเดียว..นั่นคือ

 

การควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ในระดับที่เหมาะสมตลอดไป ยากกว่าการลดน้ำหนั


ผู้ ที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปส่วนใหญ่สามารถลดน้ำหนักตัวลงมาได้ในระยะสั้นๆเท่า นั้น โดยมีจำนวนไม่เกิน 1/3 ของคนเหล่านี้ ที่สามารถควบคุมน้ำหนักตัวให้คงที่ในระดับเหมาะสมต่อไปเรื่อยๆในระยะยาว ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการควบคุมน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องตลอดไป

ไม่ ใช่เรื่องง่ายที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ถูกต้องซึ่งเราได้ทำซ้ำๆจนเคยชิน  เราต้องตระหนักถึงโทษที่จะเกิดขึ้นจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไป และต้องมี “ความตั้งใจจริง”ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ถูกต้อง


ในชีวิตจริงเมื่อวันเวลาผ่านไปคนเราก็อาจหลงลืม “ความตั้งใจจริง” ที่เราเคยมี
ดังนั้นเราอาจต้องอาศัยกลวิธีบางอย่างเพื่อคอยช่วยเตือนความจำ ไม่ให้ลืมถึงความตั้งใจที่ดีนั้น


คำแนะนำ

  1. ชั่งน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ แล้วจดบันทึกไว้ เพื่อย้ำเตือนถึง “ความตั้งใจจริง”
  2. ตั้ง เป้าหมายในการลดน้ำหนักครั้งละไม่มาก เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป และ อย่าลืมให้รางวัลเล็กๆน้อยกับตัวเองทุกครั้งที่ทำได้สำเร็จ เช่น ซื้อเสื้อชุดใหม่ ไปดูภาพยนต์ ไปทำงานอดิเรกที่ชอบ เป็นต้น แต่อย่าฉลองความสำเร็จด้วยการรับประทานอาหารเด็ดขาด 

เลิกเชื่อว่า "การอด" คือคำตอบสุดท้ายของการควบคุมน้ำหนัก


การควบคุมน้ำหนักที่ถูกต้องคือ...
การเปลี่ยนพฤติกรรมในการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่องตลอดไป



  1. ควรรับประทานอาหารช้าๆ และหยุดรับประทานอาหารก่อนที่จะรู้สึกอิ่ม
  2. ควรกินอาหารมื้อหลักให้ครบทั้งสามมื้อ และไม่ควรเลื่อนเวลาอาหารมื้อหลักให้นานออกไปจนรู้สึกหิว
  3. ควรมีอาหารว่างหรือเครื่องดื่มที่ให้พลังงานต่ำ เสริมระหว่างอาหารมื้อหลัก
  4. ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีพลังงานแทนน้ำตาล
  5. ปรุงอาหารด้วยการปิ้ง-อบ แทนการทอด
  6. เลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปชนิดพิเศษที่ให้พลังงานต่ำกว่าปกติ แทนอาหารสำเร็จรูปธรรมดา
  7. ชั่งน้ำหนักตัวอย่างสม่ำเสมอ แล้วจดบันทึกไว้
  8. ตั้ง เป้าหมายในการลดน้ำหนักครั้งละไม่มาก เมื่อทำได้แล้วจึงค่อยตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป และ อย่าลืมให้รางวัลเล็กๆน้อยกับตัวเองทุกครั้งที่ทำได้สำเร็จ เช่น ซื้อเสื้อชุดใหม่ ไปดูภาพยนต์ ไปทำงานอดิเรกที่ชอบ เป็นต้น แต่อย่าฉลองความสำเร็จด้วยการรับประทานอาหารอย่างเด็ดขาด

คำเตือนเรื่องการลดน้ำหนัก
  1. การลดน้ำหนักตัวที่ถูกต้อง ควรลดน้ำหนักอย่างช้าๆประมาณครึ่ง ถึงหนึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์
  2. การควบคุมน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายอย่างเดียวไม่เพียงพอ
  3. หลักสำคัญของการควบคุมน้ำหนัก คือ ระวังการบริโภค น้ำตาลและน้ำมัน


เอกสารอ้างอิง
  1. Flier JS: Obesity. In Braunwald E, et al (ed): Harrison’s principles of internal medicine-15th edition. McGraw-Hill
  2. The American dietetic association: Use of nutritive and nonnutritive sweeteners. J Am Diet Assoc.104:255, 2004
  3. The national heart, lung, and blood institute: The practical guide to the identification, evaluation, and treatment of overweight and obesity in adult. NIH Publication Number 00-4084, October 2000
ข้อมูลทางวิชาการจาก On-Diet.com